ปัญหาหัวเถิก ผมบาง ผมน้อย ผมร่วง ศรีษะล้าน ปัญหาต่างๆ ที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับหลายๆคน และใน ปัจจุบันมีตัวช่วยมากมายที่จะเข้ามาเสริมสร้างความมั่นใจ และการปลูกผมก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งการปลูกผมแบบ FUE Hair Transplant และการบำบัดด้วยการฉีด พลาสม่า เป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบันกันอย่าง มาก และสร้างผลลัพธ์ที่ออกมาได้ดีอย่างน่าพึงพอใจให้แก่ผู้ปลูกผม แต่อะไรคือความแตกต่าง หรือความเหมือนของการฉีดพลาสม่า และ การปลูกผม FUE Hair Transplant เราจะแสดงให้เห็นว่าเทคนิคเหล่านี้ สามารถช่วยคุณได้อย่างไร
FUE Hair Transplant
การปลูกผมแบบ Follicular unit extract หรือเรียกง่ายๆว่าการปลูกผมแบบ FUE Hair Transplant เป็นวิธีการ ฟื้นฟูผมที่มีชื่อเสียง ที่นี่แต่ละรากเส้นขนจะถูกดึงออกมาจากบริเวณหนึ่งของร่างกายเพื่อปลูก ถ่ายไปยังอีกบริเวณที่จำเป็น ตัวเลือกการฟื้นฟูเส้นผมแบบใหม่นี้สามารถใช้ได้กับทุกส่วนของ ร่างกาย วิธีการฟื้นฟูผมนี้แตกต่างจากการปลูกถ่ายสตริปหรือการปลูกผมแบบ FUT
เทคนิค FUE จะทำงานโดยการเก็บเกี่ยวแต่ละรูขุมขนจากบริเวณที่มีเส้นผมมากขึ้นจากนั้น ค่อยๆใส่รูขุมขนแต่ละรูลงในหนังศีรษะที่ผมร่วง เนื่องจากช่วงพักฟื้นและช่วงพักฟื้นบางช่วง บุคคลจึงต้องพักผ่อนและดูแลอย่างเหมาะสมหลังจากมีอาการดังกล่าว การปลูกผม เทคนิค FUE เป็นการรักษาโดยการผ่าตัดเล็กน้อยและอาจจำเป็นต้องทำอย่างน้อยหนึ่งครั้งเพื่อทำการรักษาตามข้อกำหนด ผมที่ปลูกถ่ายไปยังบริเวณผู้รับจะผลัดออกไปหลังจากนั้นสักระยะ หนึ่งแล้วจึงเริ่มงอกใหม่อีกครั้ง
สารสกัดพลาสม่า Hair Therapy
ย่อมาจากพลาสมาที่อุดมด้วยกล็ดเลือดซึ่งเป็นส่วนประกอบของเลือด เมื่อตัวอย่างเลือด ถูกปั่นแยกในอุปกรณ์เฉพาะเซลล์เม็ดเลือดแดงจะแยกออกจากส่วนประกอบอื่น ๆ ของเลือด เป็นผลให้พลาสมาและเกล็ดเลือดแยกออกจากเซลล์เม็ดเลือดแดง ดังนั้นพลาสมาที่อุดมด้วยเกล็ดเลือด (พลาสม่า) จึงได้มาจากการกำจัดเซลล์เม็ดเลือดแดง พลาสม่า ที่ได้รับจึงใช้ในการบำบัดผมด้วยสารสกัดพลาสม่า ในเทคนิคนี้สารสกัดพลาสม่าจะถูกฉีดเข้าไปในหนังศีรษะโดยใช้เข็ม ฉีดยา สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงเล็กน้อยและชั่วคราว ผู้ที่มีอาการผมร่วงมากจะได้รับประโยชน์จากเทคนิคเฉพาะนี้ เป็นการรักษาที่มีการบุกรุกน้อย ที่สุดโดยที่ไม่มีการหยุดทำงานหรือการฟื้นตัว คน ๆ หนึ่งสามารถรับมันและกลับไปใช้ชีวิตตาม ปกติได้ แตกต่างจากการปลูกผมบุคคลไม่จำเป็นต้องออกจากงานเพื่อรับการรักษานี้
ความต่างระหว่าง สารสกัดพลาสม่า Hair Therapy กับ FUE Hair Transplant
การฉีดพลาสม่า หรือการปลูกผม FUE Hair Transplant นั้นเป็นที่รู้จักกันดีเนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้ เทคนิคทั้งสองแตกต่างกัน แต่การปลูกผมให้งอกใหม่นั้นเป็นเป้าหมายสูงสุดของทั้ง 2 วิธี การฉีดพลาสม่า เป็นเรื่องง่ายในธรรมชาติ แต่การปลูกผมแบบ FUE Hair Transplantนั้นค่อนข้างซับซ้อน ทั้งสอง เทคนิคนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ไขปัญหาผมร่วงอย่างเป็นธรรมชาติ มีข้อดีข้อเสียบางอย่างที่ เกี่ยวข้องกับทั้งสองเทคนิคนี้
ความเหมือนกันระหว่างสารสกัดพลาสม่า Hair Therapy กับ FUE Hair Transplant
- เทคนิคทั้งสองมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นให้ผมงอกใหม่ตามธรรมชาติ
- ตัวเลือกทั้งสองปลอดภัยราบรื่นและมีประสิทธิภาพสำหรับคนส่วนใหญ่
- ขั้นตอนทั้งสองให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติ
- ทั้งสองตัวเลือกใช้เวลาพอสมควรเพื่อเพิ่มจำนวนผมที่เพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ
- วิธีการปลูกผม FUE Hair Transplant และการฉีดพลาสม่า และสามารถหาผู้ให้บริการใกล้เคียงได้
- วิธีการปลูกผม FUE Hair Transplant และการฉีดพลาสม่า ใช้เวลาไม่นาน
- การฟื้นตัวของทั้งสองเทคนิคเป็นไปอย่างราบรื่น
ความแตกต่างระหว่าง พลาสม่า Hair Therapy กับ FUE Hait Transplant
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังฉีดพลาสม่า แต่ ปลูกผมด้วยเทคนิค FUE (หรือวิธีอื่นที่ผ่าตัด) ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 3-5 วัน จึงจะใช้ชีวิตปกติได้
- ปลูกผมด้วยเทคนิค FUE Hair Transplant เป็นวิธีการผ่าตัดฟื้นฟู และปลูกใหม่ของเส้นผม แต่ ฉีดพลาสม่า เป็นเทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัด
- ปลูกผมด้วยเทคนิค FUE Hair Transplant จะทำการดึงเซลล์รากผมมาสร้างบริเวณที่มีผู้ปลูกต้องการ แต่ การฉีด พลาสม่า นั้นใช้เพียงเลือดจำนวยไม่มาก ในการรักษาด้วยการฉีดพลาสม่า
ในปัจจุบันมีวิธีในการปลูกผมมากมายหลายวิธี จุดมุ่งหมายของทุกวิธีคือเพื่อให้ผมกลับมาดก ดำ และสร้างความมั่นใจให้กับคุณอีกครั้ง และวิธีที่แนะนำให้ทำควบคู่กันไปคือ การปลูกผม FUE Hair Transplant คู่ไปกับการฉีดพลาสม่า ก็จะยิ่งทำให้ผลรักษาออกมาดีอย่างแน่นอน และการบำรุงต่างๆ ก็สามารถที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของผมได้อีกด้วย