ศัลยกรรมปลูกผม Hair Transplant

Hair Life Cycle

วัฎจักรของผมคือการเกิดของผม หลุดร่วง และงอกใหม่ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าหากผมที่หลุดออกไป ไม่งอกใหม่กลับมาต้องแก้ไขยังไง สาเหตุของการเกิด คืออะไร เรา จะพามาทำความรู้จักกับวัฎจักรผมและสาเหตุของการหลุดร่วงของผม

ผมร่วงแบ่งได้เป็น 3 ระยะ

1. ระยะแอนนาเจน ( Anagen phase )

เป็นระยะที่เส้นผมมีการเจริญเติบโตและแบ่งตัวยาว ขึ้น เส้นผมบนหนังศรีษะประมาณ 80- 90% อยู่ในระยะนี้ และจะอยู่ระยะนี้นาน 2-3 ปี แล้วก็จะ เปลี่ยนเข้าสู่ระยะที่ 2

2. ระยะคาตาเจน ( Catagen phase )

เป็นเส้นผมระยะพัก เส้นผมในระยะนี้จะไม่มีการแบ่ง ตัว บนหนังศรีษะเป็นเส้นผมระยะนี้ ประมาณ 1% หลังจากนั้นจะเข้าสู่ระยะที่ 3

3. ระยะเทโลเจน ( Telogen phase )

พบประมาณ 10% บนหนังศรีษะ เป็นเส้นผมระยะหลุด ร่วง หลังจากเส้นผมหลุดร่วงออกไป เส้นผมก็จะเข้าสู่ระยะที่ 1 ใหม่ เวียนไปเรื่อยๆ

สาเหตุของอาการผมร่วง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม

1.กรรมพันธุ์

        เป็นสาเหตุเกือบทั้งหมดของผมร่วง พบได้มากกว่า 95% และทำให้เกิดศีรษะล้าน แบบถาวร อย่างที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไป ศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์มีรูปแบบและลักษณะเฉพาะที่ เป็นเอกลักษณ์ กล่าวคือ

1.1 ในผู้ชาย

      มักเริ่มจากมีการถอยร่นของแนวผมทางด้านหน้าลึกเข้าไปเป็นง่าม และ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุ บางคนอาจมี ศีรษะล้าน ด้านหลังตรงบริเวณขวัญร่วมด้วย สุดท้ายแล้วถ้าผมยังไม่หยุดร่วง ศีรษะล้าน ทั้ง 2 บริเวณจะลามเข้าหากันจนกลายเป็น ศีรษะ ล้าน บริเวณกว้าง ซึ่งจะเป็นมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ของคนๆนั้น

1.2 ในผู้หญิง

      มีรูปแบบแตกต่างจากผู้ชาย คือจะมี ผมบาง เฉพาะตรงบริเวณกลาง ศีรษะเท่านั้น ส่วนแนวผมด้านหน้ายังคงดีอยู่ไม่ถอยร่นเข้าไปเหมือนในผู้ชาย แต่บางคนอาจมี ศีรษะเถิกแบบผู้ชายก็ได้ อาการดังนี้

      คนที่เป็นผมร่วงจากกรรมพันธุ์ มักพบว่ามีประวัติคนในครอบครัวหรือญาติ ศีรษะล้าน ร่วมด้วย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีเสมอไป บางคนบิดามารดาศีรษะไม่ล้าน ส่วนลูกหลานกลับมี ศีรษะล้าน ก็ได้ขึ้นกับปัจจัยที่ควบคุมให้ยีน ศีรษะล้าน แสดงหรือไม่แสดงออก

2 . สาเหตุอื่นๆ

    พบได้น้อย มีด้วยกันหลายโรค โรคที่พบได้บ่อยคือ ผมร่วงชนิดเป็นหย่อม หรือ มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Alopecia Areata โรคของต่อมไทรอยด์เช่น ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ( Toxic goiter ) ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย ( Hypothyroidism ) โรคโลหิตจาง ภาวะหลังคลอด บุตร หลังฟื้นไข้และผ่าตัดใหญ่ การอดอาหารมาก ๆ เพื่อลดน้ำหนัก ความเครียด โรคผิวหนัง บางชนิด โรคจิตที่ชอบถอนผมตัวเอง ( Trichotillomania ) มะเร็ง รังไข่ที่ผลิตฮอร์โมนเพศชาย โรคเอสเอลอี โรคไข้ไทฟอยด์ โรคซิฟิลิส โรคเบาหวาน การเจ็บป่วยเรื้อรัง หรืออาจเกิดจากยา บางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดเพื่อรักษามะเร็ง เป็นต้น

การปลูกผม

การปลูกผม ( Hair Transplantation ) เป็นหนึ่งในการศัลยกรรมผิวหนังเพื่อแก้ไขปัญหาศีรษะล้าน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้ผมของตัวผู้เข้ารับการปลูกผม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน และอีกหนึ่งทางเลือกนั่นคือการปลูกผม และวิธีปลูกผมก็มีหลากหลายวิธีให้เลือกรักษาที่เหมาะกับตัวบุคคล และการปลูกผมมีมากมายหลายวิธีที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องผม วันนี้จะพามาทำความรู้จักกับ 3 วิธีที่ได้รับการการันตีว่าได้มาตรฐาน “FUT FUE DHI”  และมาพร้อมกับข้อดี ข้อเสียในแต่ละเทคนิค ที่เหมาะกับคุณ

ปลูกผมเทคนิค FUT (Follicular Unit Transplantation)

เป็นการปลูกผมถาวรเทคนิคมาตรฐานที่ยังใช้สากลทั่วโลก โดยจะเป็นการตัดเอาหนังศีรษะด้านหลังซึ่งมีรากผมที่แข็งแรงและแทบไม่มีการหลุดร่วงของเส้นผม เป็นการผ่าตัดเล็ก โดยนำมาปลูกในบริเวณที่มีปัญหา (ผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านซึ่งการปลูกผมแบบผ่าตัดนั้นเป็นการผ่าตัดที่ไม่ต้องใช้ยาสลบ ใช้แต่การฉีดยาชาเฉพาะบริเวณที่ทำการปลูกย้ายเซลล์รากผมเท่านั้น โดยระยะเวลาในการผ่าตัดนั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนรากผมที่ปลูกร่วงแต่ละบุคคล โดยผลลัพธ์ของการปลูกย้ายเซลล์รากผมแบบผ่าตัดนั้นเห็นผลชัดเจนและมีความปลอดภัยสูงเพราะดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านการปลูกผมโดยตรง

ข้อดีเทคนิค FUT

● เป็นแผลแบบปิดโอกาสติดเชื้อ น้อยกว่า 1 %
● ใช้ระยะเวลาในการทำเมื่อเทียบกับจำนวนกราฟแล้วใช้เวลาสั้นกว่า
● สามารถทำได้ครั้งละมากๆ เช่น เกิน 2,500 กราฟขึ้นไป
● สามารถไว้ผมยาวปิดแผลได้ เพราะบริเวณด้านหลังจะโกนผมออกเล็กน้อย เฉพาะบริเวณที่นำชิ้นเนื้อออกมา
● เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเป็นบริเวณกว้าง

ข้อเสียเทคนิค FUT

● เกิดรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัด เป็นแนวยาว

ปลูกผมเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction)

เป็นการปลูกผมถาวรแบบย้ายเซลล์ผมโดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะออกมาเป็นชิ้นยาว ไม่มีแผลเย็บเหมือนวิธีทั่วไป (strip FUT) โดยวิธีนี้จะใช้หัวเจาะขนาดเล็ก 0.8-1.2 มมเจาะลงไปรอบๆ กอผมลึกลงไปถึงรากผมด้านล่าง จากนั้นแต่ละกอผมจะถูกดึงออกมาจากหนังศีรษะ ซึ่งเป็นเทคนิคมาตรฐานสากลที่ใช้ทั่วโลก ได้รับการยอมรับว่าเป็นเทคนิคที่ให้ผลเรื่องความสวยงาม และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ศัลยกรรมปลูกผมจึงเป็นวิธีแก้ปัญหาผมบางที่ได้ผลมากที่สุด

ข้อดีเทคนิค FUE

● มีแผลเป็นน้อยกว่า อาจจะเป็นจุดขาวๆที่สังเกตุได้ยาก
● เจ็บน้อยกว่า
● สามารถเก็บรากผมได้หลากหลายที่ ทั้งจากด้านหลัง ขนหน้าอกหรือหนวด หน้าแข้งได้หมด

ข้อเสียเทคนิค FUE

● ได้จำนวนรากผมมาน้อยกว่า
● รากผมที่ดึงออกมาบางส่วนขาดหรือเสียหาย ทำให้เจาะ 1000 รู ก็อาจจะไม่ได้รากผม 1000 กราฟ ขึ้นกับความชำนาญ
● มีอัตราการติดดีมาก แต่ติดน้อยกว่าวิธีปลูกผม แบบ FUT

ปลูกผมเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)

เป็นวิธีการจะคล้ายๆ กับ การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE จะต่างกันตรงขั้นตอนการปัก การปลูกผมถาวรเทคนิค DHI นั้น เราใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่ชื่อว่า DHI Implanter ลักษณะคล้ายปากกาในการปักและปลูกภายในครั้งเดียว และสามารถควบคุมความลึก มุม และทิศทางของรากผม เพื่อให้เส้นผมใหม่ที่ปลูกไปมีลักษณะเดียวกันกับผมตามธรรมชาติของคุณ และยังสามารถปลูกได้แม่นยำ และเส้นผมความยาวประมาณ 2-3 .ซึ่งต่างจากเทคนิค FUE แพทย์จะใช้ Forceps เจาะรูก่อนแล้วปักเซลล์รากผมลงไป ซึ่งวิธีการนี้จะเจ็บน้อยกว่า FUE และได้เส้นผมที่แน่นถี่กว่าในปริมาณสูงสุด ผมเป็นธรรมชาติมากกว่า ทำการปลูกผมแบบ DHI ให้เสร็จสิ้นในวันเดียว อาจใช้เวลา 8-10 ชั่วโมง ในขณะที่เทคนิค FUE จะใช้เวลา 6-8 ชั่วโมง การปลูกผมแบบ DHI เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านเถิก เนื่องจากกรรมพันธุ์หัวล้าน ที่อยากแก้ปัญหาด้วยการศัลยกรรมปลูกผมแบบไม่ต้องเกิดแผลเป็นขนาดใหญ่ เป็นวิธีการที่มีความปลอดภัยสูง และมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ และยังทำให้ผมมีอัตราการอยู่รอดสูงมาก (สูงกว่า 90%)

ข้อดีเทคนิค DHI

● เจ็บน้อยกว่า FUE
● ได้จำนวนกราฟที่ปลูกมากถึง 3,500-4,000 กราฟ
● ไม่มีรอยแผลเย็บ

ข้อเสียเทคนิค DHI

● รากผมที่ดึงออกมาบางส่วนขาดหรือเสียหาย ทำให้เจาะ 1000 รู ก็อาจจะไม่ได้รากผม 1000 กราฟ ขึ้นกับความชำนาญ
● รากผมที่มีขนาดยาวอาจจะไม่แข็งแรงในช่วงแรก หากสาง เสย หรือหวีอาจทำให้ผมหลุด

        นอกเหนือจากการปลูกผมแบบย้ายรากผมแล้วนั้น การทำ Plasma Hair  เพื่อช่วยในการ เจริญเติมโตของผม และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นยังแนะนำ ในการปลูกผม พร้อมกับการฉีด Plasma Hair  เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการงอกใหม่ของผมอีกด้วย

ในแต่ละเทคนิคและขั้นตอนต่างๆนั้น เหมาะกับเฉพาะบุคคลเท่านั้น ดังนั้นการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกผม
นั้นสำคัญมากต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียด

ปรึกษาและนัดหมาย