ซิลิโคนอเมริกา (USA Silicone)
ซิลิโคนแท่งมาตรฐานพิเศษ คุณภาพดี มีความปลอดภัยสูง มีความบริสุทธิ์ 100% (Medical Grade Silicone) เนื้อซิลิโคนเนียนละเอียด มีสีขาว มีความนุ่ม
ตกแต่งเพื่อปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงของจมูก ทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การเสริมจมูก การตัดปีกจมูก การตกแต่งฐานกระดูกจมูก หรือการลดฮัมพ์ เป็นต้น การเสริมจมูกนั้น มี 2 แบบ แบบที่รับการผ่าตัด และการเสริมจมูกด้วยหัตถการ การเสริมจมูกนั้นมีกว่าการเสริมด้วยซิลิโคน ปัจจุบันที่นวัตกรรมเข้ามาอย่างมาก การเสริมจมูกนั้นมีหลายวิธี ต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การตัดปีกจมูก การเสริมจมูกด้วยซิลิโคน การตกแต่งฐานกระดูกจมูก การลดฮัมพ์ และหลากหลายวัสดุให้เลือกใช้
การเสริมจมูกในแต่ละเคสนั้น จะต้องดูถึงรูปหน้าของแต่ละคนว่าเหมาะสมกับทรงจมูกแบบใด ยิ่งถ้าใครที่มีปัญหาเรื่องจมูกเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้น การทำศัลยกรรมจมูกก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่จะมาช่วยเสริมความมั่นใจให้ได้ยิ่งขึ้น และถ้าหากคุณอยากเสริมจมูก แต่มีเนื้อน้อย เสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อตัวเองทางคุณหมออาจมีความจำที่จะต้อง ทำจมูกโดยใช้กระดูกหลังหูหรือแทนเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการทำและตกแต่งจมูกให้สวยตรงความต้องการ โดยส่วนมากแล้ว การทำจมูกโดยใช้กระดูกหลังหูนั้นจะมี ราคาในการทำที่ค่อนข้างสูงกว่าการใช้ซิลิโคนอีกด้วย
ปัญหาของจมูกประเภทนี้จะอยู่ตรงที่บริเวณปลายและปีกจมูกที่บานเกินขนาด แนะนำให้เช็กจมูกแบบง่ายๆ โดยหากเรายิ้มและมีปีกจมูกยกขึ้น หรือหากเราสามารถดึงผิวหนังตรงปีกจมูกได้ นั่นก็เท่ากับว่าจมูกของเราบานจากกล้ามเนื้อและสามารถเข้ารับการแก้ไขเพื่อปรับขนาด ด้วยการเสริมจมูกให้ปัญหานี้หมดไปได้นั่นเอง
ปัญหาของจมูกประเภทนี้นั้น จมูกที่เบี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่งอาจเกิดจากกระดูกอ่อนที่ในจมูกคดหรือเบี้ยว เราสามารถเช็กได้ด้วยการถ่ายรูปหน้าตรงในมุมเสยเพื่อดูว่าปลายจมูกของ ราเอนไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ หากพบว่ามีการเอียงไปด้านใดมากกว่า เราสามารถเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการแก้ไขด้วยการ ศัลยกรรมจมูกให้เข้าที่ได้
ฮัมพ์ที่จมูกเกิดจากกระดูกบริเวณแนวจมูกที่ยกตัวสูงขึ้นจนทำให้จมูกอ่อนของเราถูกยกขึ้นตาม โดยเราสามารถสังเกตฮัมพ์ของจมูกได้โดยการหันข้างเข้ากระจกเพื่อสังเกตสันจมูกว่ามีอะไรนูนขึ้นมาหรือไม่ หากพบฮัมพ์บริเวณสันจมูก เราสามารถติดต่อแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตะไบหรือผ่าตัดนำฮัมพ์ออกได้
จมูกแบนเป็นลักษณะของจมูกที่ไม่มีสันจมูกจนส่งผลให้จมูกดูสั้นและลดมิติบนใบหน้าให้หายไป การเสริมจมูกในส่วนนี้ คุณหมอจะต้องพิจารณาจากรูปหน้าไปในแต่ละเคส เพราะอย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ทรงจมูกแต่ละแบบ จะเหมาะกับใบหน้าที่แตกต่างกัน
นอกเหนือจากจมูก 4 แบบที่แนะนำให้ทำศัลยกรรมเพื่อปรับรูปหน้า แล้วผู้ที่ต้องการแก้รูปทรงจมูกที่เคยทำมาแล้วแต่ไม่ได้ในแบบที่ต้องการก็สามารถ แวะเข้ามาปรึกษาและรับคำแนะนำกับการเสริมจมูก ให้เหมาะกับรูปหน้าได้เช่นกัน
การเสริมจมูก หรือเรียกอีกอย่างว่าศัลยกรรมจมูกนั้นมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ที่ควรรู้ คือการเสริมจมูกด้วยการผ่าตัด และการเสริมจมูกด้วยวิธีหัตถการ
การเสริมจมูกด้วยวิธีการผ่าตัดนั้นแยกออกมาเป็น 2 เทคนิค คือ เทคนิคเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique) และ เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique)
การเสริมจมูกแบบปิด เป็นเทคนิควิธีการใส่ซิลิโคนเข้าไปในรูจมูก โดยจะวางจมูกตั้งแต่สันจมูกถึงปลายจมูก ปัจจุบันวิธีนี้ในต่าประเทศ อย่างเช่นประเทศแห่งการศัยกรรมอย่างเกาหลี ไม่ค่อยนิยมทำแล้ว เนื่องจากส่งผลเสียต่อคนไข้ในระยะยาว เกิดผิวปลายจมูกอักเสบ จมูกเอียง รวมถึงทรงจมูกไม่สวย คนไข้จะต้องมาแก้ไขอีกเรื่อยๆในอนาคต ข้อดีเดียวคือ ราคาถูกนั่นเอง
การเสริมจมูกแบบเปิด เป็นการเปิดแผลที่บริเวณฐานจมูกของคนไข้ จะใช้วิธีกรีดผ่าจมูกในแนวดิ่ง แล้วทำการแยกเนื้อและผิวหนังออกจากโครงสร้างจมูก วิธีนี้จะทำให้คุณหมอเห็นปัญหาภายในของคนไข้ทั้งหมดทำให้ศัลยแพทย์เลือกใช้วัสดุให้เหมาะในแต่ละเคสเพื่อแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะบุคคล
การเสริมจมูกด้วยวิธีการหัตถการนั้นหมายถึง การเสริมจมูกแบบไม่มีการลงมีด วิธีที่นิยมในปัจจุบันคือ การเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ และ การร้อยไหม
การเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่า ฉีดฟิลเลอร์จมูก คือการใช้สารไฮยารูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปเพื่อเสริมแต่ง โดยปกติจะนิยมใช้สำหรับปรับสภาพผิวหน้า ซึ่งจะใช้ในการเติมเต็มผิวหนัง และฟิลเลอร์นั้นยังสามารถเติมเต็มเข้าไปยังจมูกเพื่อปรับรูป ทำให้จมูกโด่งได้รูปมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
การเสริมจมูกด้วยการร้อยไหมนั้น เรียกอีกชื่อคือ ร้อยไหมจมูก ผู้ที่เลือกวิธีนี้จะต้องมีฐานจมูกเดิมอยู่แล้ว และมีความต้องการที่จะให้รูปจมูกนั้นชัดขึ้น ปลายพุ่ง วิธีนี้นิยมเฉพาะบางกลุ่ม เนื่องจากระยะเวลาในการคงอยู่ของวัสดุนั้น มีระยะเวลาโดยประมาณ 18เดือน – 2 ปี และสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกนั้นในปัจจุบัน จะทำการแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เสริมจมูกด้วยซิลิโคน และ เสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียมและกระดูกอ่อนในร่างกาย ทั้ง 2ประเภทนี้นั้น มีความต่างกันในเรื่องของวัสดุ เทคนิค และราคาก็เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกวัสดุ
ซิลิโคนเสริมจมูกที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน ต้องเป็นซิลิโคนที่ผลิตขึ้นมาใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น เรียกว่า เมดิคัล เกรด ซิลิโคน (Medical Grade Silicone) ในปัจจุบันมีการนำเข้าซิลิโคนมาจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศ ทั้งซิลิโคนไทย เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน อเมริกา บราซิล เป็นต้น
แบ่งความต่างของแต่ละแบบได้ตามลักษณะความอ่อน–แข็ง ได้แก่ แข็ง(Hard), แข็งปานกลาง(Medium), นุ่ม(Soft) และนุ่มมาก(Ultra Soft)
ซิลิโคนแท่งมาตรฐานพิเศษ คุณภาพดี มีความปลอดภัยสูง มีความบริสุทธิ์ 100% (Medical Grade Silicone) เนื้อซิลิโคนเนียนละเอียด มีสีขาว มีความนุ่ม
ซิลิโคนสำเร็จรูปมาตรฐานพิเศษ โคนจมูกและปลายจมูกมีความนิ่มมาก มีความยืดหยุ่นสูง มีสีเหลือง สีน้ำตาลแดง มีความนุ่มมาก
ซิลิโคนแท่งมาตรฐานธรรมดา วัตถุดิบบางอย่างนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ทำการผลิตในประเทศไทย มีสีเหลือง และมีความแข็งปานกลาง
คือโครงสร้างผิวหนังที่ผลิตมาจากผิวหนังมนุษย์ แล้วผ่านกระบวนการเพื่อกำจัดชั้นผิวหนังกำพร้าออก ให้เหลือแต่ชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งการผ่านกระบวนการนำเซลล์ออก จะทำให้ เวลานำไปใช้กับร่างกายของมนุษย์ ร่างกายไม่เกิดการต่อต้าน ผ่านกระบวนการปลอดเชื้อ Sterile ก่อนที่จะนำมาใช้กับร่างกายมนุษย์ได้
เนื้อเยื่อเทียม จะมีลักษณะคล้ายฟองน้ำ ที่มีรูพรุน ที่เกิดจากการเอาเซลล์ ผิวหนังบางส่วนออกไปจากตัวเนื้อเยื่อ ซึ่งรูพรุนตรงนี้ จะช่วยทำให้ร่างกายนำตัวเนื้อเยื่อเข้ามาเจริญ เช่น เนื้อเยื่อ คอลลาเจน เป็นต้น ซึ่งเวลาเนื้อเยื่อจริงเข้ามาเจริญในเนื้อเยื่อเทียมแล้วจะทำให้ผิวหนังมีความหนาตัวขึ้น
เหมาะกับผู้รับบริการที่มีเนื้อปลายน้อย หรือบางการนำเนื้อเยื้อเทียมเข้าไปช่วยในส่วนของปลายจมูกนั้น เป็นการลดการเสียดสีของซิลิโคนกับเนื้อจมูกโดยตรง
ก่อนจะทำความรู้จักกับการใช้กระดูกอ่อนเข้ามาช่วยในการเสริมจมูกนั้น ต้องทราบก่อนเลยว่า กระดูกอ่อนที่สามารถนำมาช่วยในการเสวริมจมูกนั้นมีหลักๆ ที่นิยมใช้อยู่ 3 ตำแหน่ง ได้แก่ กระดูกอ่อนหลังหู กระดูกอ่อนซี่โครง และ เนื้อเยื่อบริเวณก้นกบ
หากพูดถึงการทำศัลยกรรมจมูกด้วยการนำกระดูกอ่อนหลังหูมาเสริมบริเวณปลายจมูกนั้น ยังมีอีกอย่างที่อาจจะไม่มีคนทราบคือ กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนหลังหู (Ear Cartilage) จะผ่าบริเวณหลังหูเพื่อนำกระดูกอ่อนมาใช้ หูจะไม่ผิดรูปหรือมีรอยแหว่ง และกระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก (Nasal Septal cartilage ) จะมีรอยแผลเดียวคือผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานจมูก เนื้อเยื่อทั้งสองจะถูกใช้ในการเสริมแต่งปลายจมูกให้ยาวขึ้นและเชิดขึ้นเพื่อรับองศากับสันจมูก กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูกจะมีความอ่อนกว่ากระดูกอ่อนหลังหู เมื่อเวลาผ่านไปอาจมีปัญหาปลายจมูกตกในเคสที่เคยเสริมปลายด้วยกระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก
แน่นอนว่ากระดูกอ่อนหลังหู และผนังกั้นจมูกนั้นมีเพื่อตกแต่งปลายจมูกให้มีลักษณะเชิดขึ้นตามที่ผู้รับบริการต้องการ หรือเพื่อเสริมความยาวของปลายจมูก ในกรณีที่ผู้รับบริการปลายจมูกสั้น
ในส่วนของกระดูกอ่อนซี่โครงนั้นอาจจะดู เป็นการนำออกมาที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ในด้านของการทำจมูกด้วยวัสดุนี้ กระดูกอ่อนซี่โครงที่นิยมใช้ในการนำมาเสริมจมูกคือ ซี่ที่ 5-7 บริเวณซี่โครงใต้ราวนม การนำกระดูกอ่อนซี่โครงมาใช้นั้น ไม่ใช่เพื่อการเสริมปลายจมูกอย่างเดียว แต่เป็นการนำมาใช้เพื่อเสริมจมูกตั้งแต่สัน จรดปลายจมูก แต่กระดูกอ่อนซี่โครงนั้นค่อนข้างจะแข็งแรง หากไม่ชำนาญอาจทำให้จมูกทะลุได้
การทำศัลยกรรมจมูกด้วยเนื้อเยื่อบริเวณก้นกบนั้น เนื้อเยื่อจะเป็นไขมันที่ได้จากบริเวณก้นกบ และจะไม่ทิ้งรอยนอกร่มผ้าให้เห็น เมื่อเปรียบเทียบกับ 2 วัสดุแรกด้านบน การนำเนื้อเยื่อบริเวณก้นกบมาใช้ จะใช้เพื่อเสริมปลายจมูก ร่วมกับการเสริมซิลิโคน สำหรับเนื้อเยื่อไขมันจะสลายไปหลังเสริมประมาณ 30-40% ส่วนที่คงเหลือจะอยู่ตลอดไป เนื้อเยื่อไขมันนี้จะไม่เหมาะสำหรับคนไข้ที่สันจมูกเตี้ยแล้วต้องการสันจมูกสูงขึ้น หรือไม่เหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญเรื่องความสูงของสันจมูก
ข้อมูล เสริมจมูกข้างต้นนี้เป็นการรวบรวมเอาเทคนิค วัสดุ และเคสที่ศัลยแพทย์ระดับชำนาญการของเราได้ วิธีการทำศัยลกรรมจมูก เอามารวมไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังศึกษาหาข้อมูล แน่นอนว่าที่นี่ Facebody Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านของการทำศัลยกรรมและความงาม นำทีมโดยคุณหมอธีร์ แพทย์เฉพาะทางด้านจักษุและศัลยกรรมความงาม เป็นผู้ดูแลและลงมือทำอย่างใส่ใจ ในทุกๆเคส และที่สำคัญราคาเป็นมิตรแน่นอน ผู้ที่สนใจหรือต้องการจะปรึกษา เข้ามารับบริการได้ที่ Facebody Clinic
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ยอมรับทั้งหมด