Thermage FLX กระชับผิว กระชากวัย
THERMAGE
สำหรับคนที่อยากยกกระชับผิวให้กลับมาเต่งตึง เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงนวัตกรรม THERMAGE เทอร์มาจ
THERMAGE สามารถกระชับผิวส่วนใดได้บ้าง
แน่นอนว่าหลายคนอาจเข้าใจว่าแก้ปัญหาผิวหน้าเท่านั้น แต่ความจริงแล้วนวัตกรรม THERMAGE เทอร์มาจ
- บริเวณใบหน้าและลำคอ THERMAGE เทอร์มาจ
ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ลดเหนียง คาง ปรับกรอบหน้าให้เรียวและกระชับได้รูปมากขึ้น - THERMAGE เทอร์มาจ
รอบดวงตา ช่วยแก้ปัญหาผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อย หนังตาตก คิ้วตก ริ้วรอยรอบดวงตา และยกคิ้วให้สวยรับกับรูปหน้ามากขึ้น - ผิวหนังลำตัว ช่วยกระชับผิวได้ทุกส่วนของร่างกาย ทั้งแขน ขา ลำตัว สะโพก ลดปัญหาผิวเปลือกส้มและรอยย่นตามร่างกาย
THERMAGE คืออะไร ?
THERMAGE (เทอร์มาจ) เป็นเทคนิคยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (High Radio Frequency) ชนิดขั้วเดียว ใช้อุณหภูมิประมาณ 40 – 50 องศาเซลเซียล ผ่านเครื่องมือที่มีชื่อเรียกว่า เครื่อง THERMAGE เทอร์มาจ
เครื่อง THERMAGE เทอร์มาจ โดยสามารถส่งพลังงานคลื่นความร้อนลงไปลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) สำหรับนวัตกรรมนี้ได้รับการรับรองทั้งองค์การอาหารและยา จากประเทศสหรัฐอเมริกา (US-FDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จากประเทศไทย จึงเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัย
THERMAGE มีกลไลการทำงานอย่างไร
คลื่นวิทยุความถี่สูงชนิดขั้วเดียวจากเครื่อง THERMAGE เทอร์มาจ จะตรงลึกเข้าสู่ชั้นหนังแท้ที่มีคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนังและชั้นไขมัน ความร้อนจากคลื่นวิทยุจะกระตุ้นคอลลาเจนที่หย่อนคล้อยให้หดตัว เรียงตัวใหม่ ดึงให้เนื้อเยื่อยกขึ้นตาม และสลายไขมันส่วนเกินในชั้นผิว พร้อมกันนั้น THERMAGE เทอร์มาจ ยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวดูกระชับ แข็งแรง เต่งตึง เรียบเนียน ริ้วรอยดูจางลง รูขุมขนจะค่อย ๆ เล็กลง และดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยจะเห็นผลชัดเจนในช่วง 3–6 เดือน แรกหลังทำ และคงผลลัพธ์ได้นาน 1–2 ปี
THERMAGE เหมาะกับใคร
จากผลลัพธ์หลังทำสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลายประการ ทำให้นวัตกรรม THERMAGE เทอร์มาจ เหมาะกับผู้มีปัญหาผิวดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากการสูญเสียคอลลาเจน ผิวขาดความยืดหยุ่น ดูสุขภาพไม่ดี
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากปัจจัยเรื่องอายุ ซึ่งไม่สามารถบำรุงรักษาได้ด้วยการทาครีมบำรุงหรือรักษาด้วยการผ่าตัดศัลยกรรม
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบนใบหน้า แก้ม หรือคาง ทำให้ใบหน้าใหญ่และต้องการปรับรูปหน้าให้ชัดเจน
- ผู้ที่มีปัญหาผิวบริเวณแขน ขา ลำตัว หรือสะโพกหย่อนคล้อย มีผิวเปลือกส้ม หรือต้องการกระชับให้เล็กลง
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย รูขุมขนกว้าง และมีรอยด่างดำ ต้องการฟื้นฟูให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพผิว แต่ไม่ต้องการใช้วิธีผ่าตัดศัลยกรรม
อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่กำลังอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หญิงที่กำลังให้นมบุตร คนไข้ที่ติดเครื่องกระตุ้นหัวใจ คนที่ฝังโลหะในร่างกาย ผู้ที่มีปัญหาโรคประจำตัว ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบ ผิวติดเชื้อ มีบาดแผลบริเวณผิวหนัง ก่อนทำ THERMAGE เทอร์มาจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ เนื่องจากอาจได้รับผลกระทบและได้รับอันตรายจากคลื่นพลังงานความถี่สูง
THERMAGE CPT VS THERMAGE FLX แบบไหนดีกว่ากัน
เมื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรม THERMAGE เทอร์มาจ จากออนไลน์มักจะเห็นคำว่า THERMAGE CPT และ THERMAGE FLX ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนเข้าใจว่าทั้งสองคำนี้มีเทคนิคแตกต่างกัน ทั้งที่จริง ๆ แล้ว THERMAGE CPT และ THERMAGE FLX คือเครื่องมือในการทำ THERMAGE เทอร์มาจ เหมือนกัน แต่ต่างกันที่ปีในการผลิตและคุณสมบัติบางประการของเครื่องเท่านั้น
โดย THERMAGE FLX เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นในปี 2018 โดดเด่นเรื่องความแม่นยำ การแสดงผลการทำแบบเรียลไทม์ หัวฉีดสามารถปล่อยพลังงานขนาดใหญ่กว่าเครื่องรุ่นเดิม จึงใช้จำนวน Shot น้อยกว่า และเวลาในการทำน้อยลง 25% นอกจากนั้นที่หัวฉีดยังมีระบบ Integrated Cooling ปล่อยความเย็นร่วมกับระบบสั่นช่วยป้องกันการไหม้ของผิวหนังชั้นนอก ทำให้เจ็บน้อยลงและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ในขณะที่ THERMAGE CPT เป็นเครื่องรุ่นเก่าที่ผลิตใช้กันตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งถึงแม้จะให้ผลที่แม่นยำเหมือนกัน แต่ให้ความรู้สึกเจ็บและไม่มีการคำนวณพลังงานที่ส่งไปยังชั้นผิว ปัจจุบันจึงไม่นิยมใช้รุ่นนี้และเปลี่ยนมากใช้ THERMAGE FLX
THERMAGE ราคาเท่าไหร่/ ครั้ง
ราคาในการทำ THERMAGE เทอร์มาจ ต่อครั้งเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นไปถึงหลักแสน โดยราคาขึ้นอยู่กับตำแหน่งและสภาพผิวของผู้ทำ เพราะหากสภาพผิวมีปัญหาหรือพื้นที่ผิวที่ต้องการทำมากก็ยิ่งใช้จำนวน Shot มากตามไปด้วย
THERMAGE ทำบ่อยแค่ไหน
ควรทำต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อคงผลลัพธ์ในการกระชับผิว แต่ในบางกรณีที่ผู้ทำมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก อาจมีการประเมินให้ทำทุก 3 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เจ้าของเคสด้วย
THERMAGE เทอร์มาจ กี่วันเห็นผล
หลังทำผิวจะกระชับขึ้นเล็กน้อยประมาณ 20% ทันที จากนั้นจะมีการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2 – 3 เดือนหลังทำ ซึ่งผลลัพธ์คงอยู่ได้ประมาณ 1 – 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การใช้ชีวิตประจำวัน และการดูแลผิวของผู้ทำ
THERMAGE เจ็บไหม
ระหว่างทำ THERMAGE เทอร์มาจ เจ็บไหม ถือเป็นคำถามที่ทำให้หลายคนเป็นกังวลมากที่สุด แต่บอกเลยว่าหมดกังวลเรื่องนี้ไปได้เลย เพราะก่อนทำแพทย์จะมีการทายาชา ส่วนในระหว่างทำยังมีการสอบถามความรู้สึกเป็นระยะ หากร้อนจนเกินไปจะมีการปรับระดับค่าพลังงานเพื่อให้ผู้ทำรู้สึกดีขึ้น นอกจากนั้นปัจจุบันคลินิกส่วนใหญ่ยังเปลี่ยนมาใช้เครื่อง THERMAGE FLX ที่มาพร้อมระบบ Integrated Cooling ซึ่งในระหว่างทำจะมีการปล่อยความเย็นออกมาเป็นระยะบวกกับระบบสั่น จึงทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เตรียมพร้อมก่อนทำ THERMAGE เทอร์มาจ
แม้ว่าการทำ THERMAGE เทอร์มาจ จะไม่ใช่วิธีผ่าตัด ความเสี่ยงน้อย และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังทำ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนทำก็ควรเตรียมตัวและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ดังต่อไปนี้
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านก่อนตัดสินใจ เพื่อประเมินสภาพผิว ความเสี่ยงด้านสุขภาพ และจำนวน Shot ทั้งนี้ผู้เข้ารับการประเมินต้องแจ้งข้อมูลเรื่องโรคประจำตัว ยารักษาโรค ยาสมุนไพร อาหารเสริม และวิตามินที่ตัวเองรับประทานเป็นประจำ เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินความเสี่ยง
- กรณีที่แพทย์เจ้าของเคสสั่งหยุดรับประทานยาควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- ก่อนวันเข้ารับบริการควรนอนพักผ่อนอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง
- ในวันเข้ารับบริการทำ THERMAGE เทอร์มาจ ควรงดแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุงในส่วนที่ทำ
ผลลัพธ์ของการทำ THERMAGE กระชับผิวหน้า
“ผลลัพธ์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนทันทีหลังทำคือผิวหน้าดูกระชับและเรียวขึ้นเล็กน้อย แต่ผ่านไประยะเวลา 2 – 3 เดือน เมื่อชั้นผิวมีการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องผิวหน้าจะดูแข็งแรงขึ้น ริ้วรอยและรอยย่นตามจุดต่าง ๆ ดูจางลง กรอบหน้าดูชัดเจนได้รูปมากขึ้น”
ดูแลตัวเองหลังทำ THERMAGE เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและยาวนาน
การดูแลตัวหลังทำ THERMAGE เทอร์มาจ นอกจากจะช่วยคงผลลัพธ์ให้นานขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดความเสี่ยงผลข้างเคียงต่าง ๆ อย่างอาการบวม อาการเจ็บผิว ผิวไหม้ และผิวพอง สำหรับการดูแลตัวเองมีขั้นตอนดังนี้
- ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เพื่อลดการสูญเสียคอลลาเจนในชั้นผิว
- ควรทาครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด เพื่อลดการอักเสบที่เกิดจากแสงแดด
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์กับผิว เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ช่วง 2 สัปดาห์หลังทำ ควรงดการเลเซอร์ผิว การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ และการทำทรีตเมนต์
- ช่วง 1 เดือนหลังทำ ควรงดการฉีด Botulinum Toxin และร้อยไหม
สรุปข้อดี THERMAGE เทอร์มาจ
จะเห็นได้ว่านวัตกรรม THERMAGE เทอร์มาจ เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการแก้ปัญหาผิวที่มีความน่าสนใจ ทั้งในแง่ของการแก้ปัญหา ผลลัพธ์ และที่สำคัญความเสี่ยงต่ำ แต่หากสนใจแนะนำให้เลือกใช้บริการคลินิกที่ได้มาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีประสบการณ์สูง จะเพิ่มความปลอดภัย ลดภาวะแทรกซ้อน และเห็นผลลัพธ์ตามที่ต้องการ