เทคนิคปลูกผม FUE vs Advance TIDY เลือกวิธีที่ใช่
สารบัญ เทคนิคปลูกผม FUE vs Advance TIDY
การปลูกผมถาวร (Permanent Hair Transplant) คือ กระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้เซลล์รากผมที่มีอยู่แล้วบนศีรษะของผู้ประสบปัญหาผมร่วง ผมบาง แล้วนำเซลล์รากผมเหล่านั้นมาปลูกไว้ในบริเวณที่ผมร่วงหรือผมบาง การ ปลูกผมถาวร นี้มุ่งเน้นที่การย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณที่มีผมมากและปกติ ซึ่งส่วนใหญ่จะเลือกใช้ผมบริเวณด้านหลังศีรษะหรือท้ายทอยและด้านข้างมาปลูกบริเวณที่มีปัญหา เพื่อทำให้ผมในบริเวณนั้นมีการเจริญเติบโตและกลับมามีสภาพปกติอีกครั้ง
เทคนิค ปลูกผมถาวร สามารถทำได้หลายเทคนิค เช่น Follicular Unit Transplantation (FUT), Follicular Unit Extraction (FUE) และ Advance TIDY แต่ละเทคนิคมีวิธีการที่แตกต่างกัน การเลือกใช้เทคนิคใด ๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้รับบริการและคำแนะนำของแพทย์ผู้ปลูกผม
แนวทางการ ปลูกผม FUE Advance TIDY
สำหรับวิธีการปลูกผมถาวรในปัจจุบันที่มีคนนิยมเลือกใช้มากที่สุดได้แก่ เทคนิคการปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) และ Advance TIDY เพราะให้ผมที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญมีบาดแผลจากการปลูกผมน้อยที่สุดหรือแทบจะไม่มีเลย หากการฟื้นตัวของเซลล์บนหนังศีรษะทำได้ดีหรือได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เทคนิคการ ปลูกผม FUE Advance TIDY เป็นเทคนิคที่มีความคล้ายคลึงกันแต่แตกต่างกันในกระบวนการทำงานและผลลัพธ์ โดยมีข้อมูลเพื่อการเปรียบเทียบดังนี้
การปลูกผมด้วยวิธี FUE Advance TIDY
เป็นวิธีการปลูกผมถาวรที่อาศัยเทคนิคและความสามารถของแพทย์ทางด้านศัลยกรรมเส้นผม โดยย้ายเซลล์รากผมด้วยวิธีการเจาะเอารากของเส้นผมออกมาจากหนังศีรษะที่เตรียมไว้ นำไปคัดแยกเพื่อหาเส้นผมที่มีความแข็งแรง ก่อนจะย้ายไปปลูกในพื้นที่ที่ต้องการ เมื่อผมที่งอกออกมาก็จะไม่หลุดร่วง โดย เทคนิคปลูกผม FUE จะปราศจากแผลผ่าตัด ทำให้เมื่อรักษาเสร็จรอยแผลที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ จางลงและหายไปเอง
ขั้นตอนการปลูกผมด้วยวิธี FUE
- ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องเข้ารับการตรวจเส้นผมและหนังศีรษะจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อประเมินปัญหาของเส้นผมและหนังศีรษะ
- หลังจากตรวจประเมินแพทย์จะแนะนำวิธีการรักษารวมถึงผลลัพธ์ที่คาดหวังให้ตรงตามความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาให้มากที่สุด
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะวาดพื้นที่ที่ต้องการจะปลูกผม
- แพทย์จะเริ่มโกนผมบริเวณที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ในการเก็บเซลล์รากผม
- แพทย์จะฉีดยาชาหรือใช้ยาชาทาบริเวณพื้นที่ที่จะเก็บเซลล์รากผม
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์แพทย์จะใช้เครื่องมือแบบเจาะลงบนหนังศีรษะ เพื่อเก็บเซลล์รากผม โดยรูที่เจาะจะมีขนาดเพียง8-1.2 มม. เท่านั้น
- เมื่อเจาะเพื่อนำเซลล์รากผมออกมาได้แล้ว จะคัดแยกเซลล์รากผมด้วยกล้อง Microscope เพื่อคัดเลือกเซลล์รากผมที่แข็งแรง เมื่อนำไปปลูกจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
- เริ่มปลูกผมด้วยการเจาะหนังศีรษะด้วยเครื่องมือชนิดพิเศษ เพื่อเตรียมการปลูกเซลล์รากผม
- ปลูกเซลล์รากผมที่ผ่านการคัดเลือกแล้วด้วยวิธีการปักรากลงไปที่หนังศีรษะที่มีการวาดกราฟและเจาะรูไว้แล้ว
- ขั้นตอนดังกล่าวจะใช้เวลาน้อยหรือมาก ขึ้นอยู่กับปริมาณพื้นที่ที่ปลูกผม
- เมื่อปลูกผมเสร็จ แพทย์จะใช้ผ้าก๊อซพันรอบศีรษะเพื่อป้องกันการติดเชื้อและคลุมด้วยผ้าคลุมอีกชั้น ถือเป็นอันเสร็จสิ้นการปลูกผมแบบ FUE
การปลูกผมด้วยวิธี Advance Tidy
เทคนิคปลูกผม ด้วยวิธี Advance Tidy เริ่มแรกจะคล้ายกันกับวิธีการปลูกผม FUE แต่แตกต่างกันในส่วนของเครื่องมือและวิธีในการคัดเลือกและรักษาเซลล์รากผมก่อนนำไปปลูก เพราะเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมาก จำเป็นต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อลดความผิดพลาดและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ขั้นตอนการปลูกผมด้วยวิธี Advance TIDY
- เริ่มแรกผู้เข้ารับการรักษาจะต้องขอคำปรึกษาการปลูกผมถาวร จากนั้นแพทย์จะตรวจประเมินเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงระยะการปลูกที่เหมาะสม
- หลังจากนั้นแพทย์จะวาดแนวผม กำหนดพื้นที่ที่จะปลูกผมให้ผู้เข้ารับการรักษาได้ตัดสินใจและเห็นแนวผมใหม่ว่าเป็นไปตามที่ต้องการหรือไม่
- จากนั้นจะวาดระยะกราฟผมบนกราฟใส เพื่อกำหนดจุดและประเมินจำนวนผมที่ต้องใช้งานในการปลูกผม
- เริ่มปลูกผม แพทย์จะโกนผมด้านหลังศีรษะหรือพื้นที่สำหรับการย้ายรากผมออก
- เมื่อโกนผมเสร็จเป็นที่เรียบร้อย แพทย์จะฉีดยาชาหรือทายาชาบริเวณที่จะย้ายผม
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มย้ายรากเซลล์ผมด้วยเครื่องมือ Implanter ที่มีความละเอียดสูง ขนาดของรูที่เจาะจะมีเพียง 0.8-1.0 มม. เท่านั้น
- โดยในการเจาะเพื่อย้ายรากผมนั้น แพทย์จะเจาะแบบเว้นระยะ ไม่เจาะติด ๆ กัน เพื่อป้องกันรอยแผลเป็นที่จะเกิดขึ้นเป็นแถบ ๆ
- เมื่อเจาะเพื่อเอารากผมออกแล้ว จะนำรากผมที่ได้ไปคัดแยกด้วยกล้อง จุลทรรศน์ ก่อนที่จะนำไปแช่น้ำยาเลี้ยงเซลล์ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและอุณหภูมิ ซึ่งจะช่วยให้รากผมมีความสมบูรณ์
- บริเวณที่โดนเจาะเพื่อเอารากผมออก แพทย์จะทาขี้ผึ้งเพื่อฆ่าเชื้อโรคและรักษาความชุ่มชื้นเอาไว้
- ขั้นตอนการปลูกผม แพทย์จะฉีดยาชาบริเวณพื้นที่ที่จะปลูกผมและฉีดยาห้ามเลือดผสมน้ำเกลือ เพื่อมิให้ผิวหนังพองตัว เพื่อง่ายต่อการปลูกผม
- แพทย์จะเริ่มเจาะรู พร้อมนำเซลล์รากผมลงปลูกทีละเส้นจนครบ ในขั้นตอนนี้จะใช้ระยะเวลานานมาก เพราะต้องอาศัยความชำนาญในการวางมุมของรากผมให้ได้องศาและทิศทางตามแนวผมที่ต้องการ
- เมื่อปลูกผมเสร็จเรียบร้อย แพทย์จะปิดแผลและใช้ผ้าก๊อซพันรอบศีรษะเพื่อป้องกันการติดเชื้อและสวมผ้าคลุมผมอีกชั้นหนึ่ง
- เมื่อครบ 3 วัน จึงจะล้างผมที่ปลูก เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการปลูกผมด้วยวิธี Advance TIDYเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ การจะเลือกใช้วิธี FUE หรือ Advance Tidy ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้รับบริการและคำแนะนำของแพทย์
วิธีการปลูกผมโดยทั่วไป
โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ การใช้ยากระตุ้นเซลล์รากผม, อาหารเสริม, วิตามิน วิธีที่ 2 จะเป็นการผ่าตัด โดยผ่าตัดย้ายเอาหนังศีรษะที่มีผมและไม่เกิดปัญหามาแทนที่หนังศีรษะที่เกิดปัญหา ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะเกิดรอยยาวจากการผ่าตัดทั้งบริเวณพื้นที่ที่นำหนังศีรษะไปแทนที่และหนังศีรษะที่โดนย้ายออกไป รอดังกล่าว
เปรียบเทียบข้อแตกต่างของวิธีการปลูกผม FUE vs Advance TIDY
สำหรับข้อแตกต่างของการ ปลูกผม FUE หลัก ๆ จะเป็นในส่วนของเครื่องมือที่นำมาใช้งาน สามารถแยกเป็นข้อ ๆ ดังนี้
- วิธีการปลูกผมแบบ Advance Tidyจะมีขนาดของรูเจาะเล็กกว่าแบบ FUE ทำให้เจ็บน้อยกว่าและมีรอยแผลเล็กกว่า รอยแผลที่เกิดขึ้นสามารถหายได้ไวกว่า
- การปลูกผมแบบ Advance Tidy จะให้ความแม่นยำมากกว่า ปลูกรากผมได้ลึกกว่า เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้ให้ผลที่ละเอียดกว่า
- ด้วยความละเอียดของเครื่องมือจึงทำให้การกราฟผมหรือเจาะผมเพื่อไปปลูก วิธี Advance TIDY จึงทำได้ดี
- Advance TIDY เหมาะกับการปลูกผมที่ใช้จำนวนผมไม่มาก
- การปลูกผมแบบ Advance Tidy ใช้ระยะเวลาที่นานกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณของการกราฟผมและมีความแม่นยำมากกว่า
การปลูกผมทั้งวิธี ปลูกผม FUE Advance Tidy เป็นวิธีที่มีคนนิยมเลือกใช้จำนวนมาก เพราะมีรอยแผลที่เกิดจากการปลูกผมน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและที่สำคัญสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับการรักษาเป็นอย่างดี ทั้งนี้ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องให้แพทย์ประเมินและตรวจสอบเส้นผมและพื้นที่ที่จะปลูกเสียก่อน เพื่อที่แพทย์จะได้เลือก เทคนิคปลูกผม ถาวรได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับผู้เข้ารับการรักษา ได้รับผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ