3 สาเหตุ ที่ทำให้เกิดปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน จากพันธุกรรม คือ
- ฮอร์โมนเพศชายที่เพิ่ม โดยร่างกายมีการสร้างฮอร์โมนชาย (testosterone) เพิ่มขึ้น ฮอร์โมนนี้จะเร่งให้เส้นผมบริเวณขมับและกลางกระหม่อมบางลง อายุเส้นผมสั้นลง เส้นผมจะผลัดก่อนกำหนดบ่อยครั้ง
- พันธุกรรมที่ถ่ายทอดเป็นยีนเด่น ซึ่งพันธุกรรมเป็นตัวกำหนดลักษณะเด่นของต่อมผม โดยพบว่าเซลล์รากผมบริเวณขมับและกลางหัว จะมีจำนวนตัวรับสำหรับฮอร์โมนชาย (androgen receptor) สูงกว่าผมบริเวณท้ายทอยถึง 1.5 เท่า ทำให้เส้นหลุดร่วงและบางลง
- อายุที่เพิ่มมากขึ้นและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ จะมีลักษณะเริ่มจากมีการร่นของแนวผมด้านหน้าบริเวณขมับ 2 ข้าง ต่อมาจะลามไปยังบริเวณกลางกระหม่อม ถ้าโรคดำเนินต่อไป ผมจะบางทั่ว ๆ ศีรษะ ยกเว้นบริเวณชายผมด้านหลังและด้านข้าง
โดยในโรคนี้ผมจะร่วงโดยเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี ส่วนโรคผมบางจากพันธุกรรมในผู้หญิงจะแตกต่างกับผู้ชาย คือผู้หญิงผมจะบางอยู่ที่กลางกระหม่อม หรือบริเวญิงบางรายอาจพบลักษณะของผมบางบริเวณด้านหน้า อย่างไรก็ต
การรักษาผมบาง
วิธีการรักษาจะมี 2 แบบ คือ การกินยา กับ ยาใช้ทา ที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้สามารถใช้รักษาผู้ป่วยโรคผมบางศีรษะล้านแบบพันธุกรรมในเพศชาย
1.รักษาด้วยการทานยา
โดยยาทาจะเป็นยาในกลุ่ม hair growth stimulators (*) จะทาครั้งละประมาณ 1 มิลลิลิตรลงบนหนังศีรษะบริเวณที่มีผมบาง วันละ 2 ครั้ง พบว่าหลังทานาน 4-6 เดือน
(ยาจะออกฤทธิ์กระตุ้นเส้นผมเดิมซึ่งมีขนาดเล็กให้มีความหนา ดำ และยาวขึ้น) และทำให้ผมมีชิวิตอยู่ยาวนานขึ้น ถ้าได้ผลดีจำเป็นต้องใช้ยาทารักษาไปตลอดชีวิต
ผลข้างเคียง
- อาจพบมีอาการแดงคัน หรือระคายเคืองที่หนังศีรษะได้
- ผมร่วงมาขึ้นใน 4-6 สัปดาห์แรก
ส่วนยารับประทาน เป็นยาในกลุ่มยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งปัจจุบันเป็นยาที่ใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโต แต่ได้ผลดีในการรักษาโรคผมบางจากพันธุกรรมด้วย โดยยารับประทานชนิดนี้ จะทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5a-reductase ชนิดที่ 2 ทำให้ฮอร์โมนเพศชาย dihydrotestosterone (DHT) บริเวณหนังศีรษะและต่อมขนมีปริมาณลดลง ขนาดยาที่แนะนำให้ใช้ในผู้ชาย คือ 1 มิลลิกรัมต่อวัน ได้ผลดี
สามารถลดการหลุดร่วง และเพิ่มจำนวนเส้นผมได้ โดยผมเพิ่มขึ้นชัดเจนหลังการรักษาใน 12 เดือน ผลข้างเคียงของยาพบได้น้อย พบมีความรู้สึกทางเพศลดลง พบร้อยละ 0.3-3 แต่ไม่มีผลต่อการสร้างสเปิร์มและยาไม่ผ่านไปยังน้ำเชื้อ ดังนั้นผู้ที่รับประทานยาจึงสามารถมีบุตรได้ เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยมาก ไม่มีผลต่อต้านกับยาอื่นไม่มีผลต่อการทำงานของตับ ไต ไขกระดูก สำหรับการรักษาในผู้หญิง สำหรับการรักษาในผู้หญิงมีเฉพาะยาเฉพาะทางเท่านั้นที่ได้รับการรับรองให้ใช้รักษาโรค ส่วนยาอื่น ๆ ที่มีการนำมาใช้กัน ได้แก่ กลุ่มต่อต้านฮอร์โมนเพศชาย (antiandrogen) ยาคุมกำเนิดบางชนิด และการให้ฮอร์โมนทดแทน
2.การรักษาด้วยการผ่าตัดปลูกย้ายเส้นผมหรือการผ่าตัดปลูกผม (hair transplantation)
เป็นการผ่าตัดย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยและด้านข้าง ซึ่งเป็นรากผมที่แข็งแรงมายังตำแหน่งที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน การผ่าตัดปลูกผมในปัจจุบันนี้ได้ผลดีและปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็ก ผลของการรักษาผมที่ปลูกอยู่ถาวร และเป็นธรรมชาติ เนื่องจากเป็นผมของตัวเองไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านสามารถสระ โกรก ย้อม หรือดัดผมได้ตามปกติ สำหรับขั้นตอนในการผ่าตัดประกอบด้วย แพทย์จะทำการวาดแนวผม วัดพื้นที่ที่จะปลูกผมให้เหมาะสมกับรูปหน้าของคนไข้ การนำผมออกมาจากทางด้านหลังมี 2 วิธีหลัก คือ การผ่าตัดหนังศีรษะพร้อมรากผม ที่เราเรียกว่า Strip Technique หรือการเจาะรูเส้นผมทีละรู (follicular unit extraction, FUE)
หลังจากได้รากผมจากศีรษะบริเวณท้ายทอยด้านหลังแล้ว จะนำมาแยกเป็นกอเล็ก ๆ เลียนแบบธรรมชาติ โดยผม 1 กอ หรือ 1 กราฟท์จะประกอบด้วยผมตั้งแต่ 1-4 เส้น ต่อมากราฟท์เล็ก ๆ เหล่านี้จะถูกปลูกลงบริเวณที่ต้องการด้วยความระมัดระวังไม่ให้ทำอันตรายต่อรากผมเดิมที่อยู่เคียงข้าง และคำนึงถึงมุม และองศาของผมที่มีอยู่ จึงทำให้ผลที่ได้ออกมาดูธรรมชาติ ผมที่ปลูกไปจะเริ่มงอกใหม่หลังผ่าตัด 3-4 เดือน จากนั้นจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ และผมที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ถาวร แต่อาจจะบางลงได้ตามวัย จำนวนกราฟท์ที่ใช้และจำนวนครั้งในการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับว่าบริเวณที่ผมบางว่ามีมากน้อยเพียงไร และขึ้นอยู่กับคุณภาพและปริมาณผมที่เหลือบริเวณท้ายทอยด้วย
อาจต้องทำการผ่าตัด 1-3 ครั้งในรายที่เป็นมาก ส่วนแนวทางการรักษาใหม่ ๆ นั้นได้แก่ การใช้แสงเลเซอร์ความเข้มข้นต่ำ หรือการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น ได้ผลดีในคนไข้ที่ผมบางจากพันธุกรรมไม่รุนแรงมากนัก และผลการรักษามีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ปัจจุบันมีคนไข้ทั้งเพศชายและเพศหญิง เริ่มหันมาใส่ใจในการดูแลตนเองในเรื่องของผมบาง ศีรษะล้านมากขึ้น หากต้องการปรึกษาหรือรักษาแนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมจะดีที่สุด
ภาพประกอบบางส่วน : Freepik.com