ปลูกผม FUE & DHI เจ็บไหม ?

ปลูกผมเจ็บไหม?
You are here:

ปลูกผมเจ็บไหม? กับ 6 เรื่องรู้ไว้ไม่พลาดถ้าคิดปลูกผมถาวร

          ใครที่มีปัญหาผมร่วง, ผมบาง, หัวล้าน, หัวเถิก แก้มาหลายวิธีก็เห็นผลไม่ทันใจคงมีแอบหวั่นไหวคิดอยากลองปลูกผมถาวรดูสักครั้งเลยใช่ไหมล่ะ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงและเรียกได้ว่าเป็นการศัลยกรรมที่มีการผ่าตัด คงมีคำถามมากมายที่อยากถาม ซึ่งคำถามแรกๆ ของลูกค้าที่สอบถามเข้ามา ไม่ใช่ปลูกผมเทคนิคไหนดี หรือปลูกผมอยู่ได้กี่ปีหรอก แต่เป็นคำถามเรียบง่ายอย่าง “ปลูกผมเจ็บไหม” ต่างหาก ต้องขอบอกตรงนี้ก่อนแบบไม่กั๊กไม่โกหกกันเลยว่ามีเจ็บแน่นอน แต่จะเป็นความเจ็บขนาดไหนจะทนได้ไหม และอีกหลายคำถามที่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย วันนี้เราพามาไขปัญหาคลายข้อสงสัยของการปลูกผมถาวร

1. ปลูกผมเจ็บไหม?

          แน่นอนว่าการปลูกผมถาวรจะรู้สึกเจ็บ แต่ไม่ใช่ความเจ็บระหว่างปลูกผมหรอกนะ เป็นความเจ็บแปล๊บๆ แบบแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หายในขั้นตอนฉีดยาชานั่นเอง ซึ่งก่อนปลูกผมจะมีการฉีดยาชาเพื่อให้ไม่รู้สึกอะไรระหว่างการปลูกผมอันแสนยาวนานที่กินเวลา 4 – 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว และจะเจ็บอีกทีหลังการปลูกผมเสร็จสิ้นเมื่อยาชาหมดฤทธิ์ในบางคนจะรู้สึกเจ็บระบมที่หนังศีรษะ แต่สามารถทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการปวดได้

2. ปลูกผมเทคนิคไหนดีที่สุด?

        เรื่องนี้อยู่ที่ความพึงพอใจของลูกค้า 50% และคำแนะนำจากแพทย์ด้วย 50% เพราะแต่ละเทคนิคก็ต่างมีข้อดี ข้อเสียต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาพเส้นผม, หนังศีรษะ และปัจจัยหลายอย่าง มาดูสรุปสั้นๆ ของแต่ละเทคนิคกันดีกว่าว่ามีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร

ปลูกผมเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction)

เป็นเทคนิคที่ต้องใช้หัวเจาะขนาดเล็ก 0.8-1.2 มม. เจาะด้านหลังศีรษะแบบสุ่มเพื่อเก็บเซลล์รากผมที่แข็งแรงมาปลูกในจุดที่คุณหมอประเมิน

ข้อดี

  • แผลเป็นมีขนาดเล็กสังเกตเห็นได้ยาก
  • ไม่จำเป็นต้องไว้ผมยาวเพื่อปกปิดรอยแผล
  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • แผลดูแลรักษาง่ายฟื้นตัวไว
  • สามารถใช้ขนจากส่วนใดของร่างกายมาปลูกได้

ข้อเสีย

  • ผมด้านหลังจะบางลง เนื่องจากบริเวณที่ถูกนำเซลล์รากผมออกไปไม่กลับมาขึ้นใหม่
  • หากแพทย์ไม่ชำนาญ จะทำให้ผมข้างหลังดูบางเป็นกระจุกได้
  • รากผมบางส่วนอาจเกิดการเสียหายจากหัวเจาะ จึงไม่สามารถนำมาปลูกได้
  • อัตราการขึ้นของผมน้อยกว่าเทคนิคอื่นเล็กน้อย
  • ไม่สามารถปลูกในจำนวนกราฟที่มากได้(> 2,500 กราฟ)

ปลูกผมเทคนิค DHI (Direct Hair Implantation)

เป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการปลูกผมถาวรที่ได้รับความนิยม ที่ไม่ต้องผ่าตัดคล้ายกับเทคนิค FUE แต่ใช้เครื่องมือที่สามารถทำได้ทั้งปักและปลูกภายในครั้งเดียว 2 In 1 ไปเลย แถมไม่ต้องโกนผมอีกด้วย

ข้อดี

  • ไม่ต้องโกนหนังศีรษะ ผมที่ใช้ปลูกมีความยาวถึง 2-3 ซม.
  • เห็นผลลัพธ์หลังปลูกผมชัดเจนทันที
  • ควบคุมทิศทางการขึ้นให้เป็นไปตามแนวไรผมเดิมได้
  • ถนอมเซลล์รากผมได้มากกว่า
  • ไม่ต้องผ่าตัดให้ยุ่งยาก
  • รอยแผลเป็นเล็กจนแทบมองไม่เห็น
  • ปลูกผมได้เยอะมากถึง 4,000 กราฟ
  • เพิ่มโอกาสขึ้นของผมมากกว่า 90%

ข้อเสีย

  • หากปลูกผมในจำนวนกราฟมากๆ อาจใช้เวลาในการทำนานถึง 10 – 12 ชั่วโมง
  • ดูแลรักษาบริเวณที่ได้รับการปลูกผมค่อนข้างลำบาก เนื่องจากเส้นผมที่ปลูกค่อนข้างยาว

3. ปลูกผมถาวร ไม่ได้เหมาะกับทุกคน

          ปลูกผมถาวร เป็นวิธีที่เห็นผลรวดเร็วชัดเจนและแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่การปลูกผมนั้นไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนแม้ว่าจะมีปัญหาผมบาง, หัวล้าน, หัวเถิก เหมือนกัน แต่การปลูกผม จำเป็นต้องนำเซลล์รากผมที่แข็งแรงจำนวนมากไปปลูกทดแทนในบริเวณที่มีปัญหาจึงต้องดูปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความหนาแน่นของผมที่จะนำไปปลูก, ความสมบูรณ์ของเซลล์รากผม, รวมไปถึงหากมีการติดเชื้อราทางหนังศีรษะ หรือมีภาวะบกพร่องทางจิตใจจนแสดงออกโดยการดึงผม ก็อาจทำให้ไม่สามารถเข้ารับการปลูกผมได้ ดังนั้นก่อนปลูกผมจึงต้องเข้ารับการประเมินกับคุณหมอเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ก่อน เพื่อหาแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด

4.ปลูกผมครั้งเดียวไม่เคยพอ ?

          คงเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างใช่ไหมว่าปลูกผมต้องทำ 2 รอบขึ้นไป ผมถึงจะขึ้นเยอะแบบที่ต้องการ ซึ่งความจริงแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะการปลูกผมแค่รอบเดียวผมก็มีโอกาสขึ้นเยอะดกดำได้เหมือนกัน แต่ต้องพึ่งฝีมือความเชี่ยวชาญ, ประสบการณ์จากคุณหมอล้วนๆ ยิ่งคุณหมอมีความเชี่ยวชาญชำนาญในศาสตร์ของเส้นผมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้เห็นผลลัพธ์หลังการปลูกผมดีมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าการปลูกผมถาวรผมมีโอกาสขึ้นและอยู่กับเราไปตลอดชีวิต แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลของเราด้วยว่าดูแลผมดีแค่ไหน หากไม่ระมัดระวังและยังทำร้ายเส้นผมด้วยการทำสี, โดนความร้อนอยู่บ่อยๆ หรือใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลต่อฮอร์โมนก็อาจทำให้ผมหลุดร่วงและกลับมาบางได้

5. อยากให้ผมขึ้นเต็มที่ต้องงดของสแลง?

          เชื่อไหมว่าการกินอาหารแสลงอย่างของหมักดอง, อาหารทะเล, นม, ไข่ ไม่ได้ทำให้ผมขึ้นน้อยลง หรือทำให้เกิดเป็นแผลคีลอยด์แต่อย่างใด หลังปลูกผมทุกคนสามารถกินทุกอย่างได้ตามต้องการ ยกเว้นแค่อย่างเดียวคืองดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 2-4 สัปดาห์ เพราะอาจส่งผลให้เลือดออกบริเวณที่ปลูกผม แล้วทำให้ผมขึ้นไม่ดีเท่าที่ควรนั่นเอง

6. คันแค่ไหนก็ห้ามแคะ แกะ เกา

          หลังปลูกผมจะเกิดสะเก็ดแผลขึ้นบริเวณที่ปลูก ซึ่งอาจทำให้รู้สึกคันยุบยิบจนอยากเกาให้สาแก่ใจ แต่ขอบอกว่าหยุดความคิดนั่นไว้จะดีกว่า เพราะการแคะ แกะ เกา สะเก็ดแผล จะทำให้เซลล์รากผมที่ปลูกไปไม่ฝังตัว และทำให้ผมไม่ขึ้นได้นั่นเอง โดยปกติเซลล์ผมจะใช้เวลาในการฝังตัวประมาณ 2 สัปดาห์ หรือนานกว่านั่นเล็กน้อยซึ่งสะเก็ดผมจะค่อยๆ หลุดออกไปเองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องแกะออก

          ทีนี้คงคลายปัญหาได้หลายข้อ และไม่ต้องสงสัยกันอีกแล้วว่าการปลูกผมเจ็บไหม? แต่ถ้าหากมีข้อสงสัยอื่นๆ เกี่ยวกับการปลูกผมถาวรที่ยังค้างคาใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เลยที่ Line : @facebodyclinic